คำศัพท์ที่ควรรู้ในการเลือกซื้อตะแกรงเหล็ก

การเลือกซื้อตะแกรงเหล็กอาจดูเหมือนง่าย แต่ในความจริงมีรายละเอียดเฉพาะทางอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ “คำศัพท์เทคนิค” ที่ผู้ซื้อควรรู้ไว้ เพื่อให้สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการและเหมาะกับลักษณะการใช้งานจริง

เราได้รวบรวมคำศัพท์สำคัญที่คุณควรรู้ก่อนสั่งซื้อตะแกรงเหล็ก พร้อมคำอธิบายอย่างเข้าใจง่าย

1. Pitch (ระยะห่างของรู)

ระยะจาก “จุดศูนย์กลาง” ของรูหนึ่งไปยัง “จุดศูนย์กลาง” ของรูถัดไป

Pitch สำคัญเพราะมีผลต่อ ความหนาแน่นของรู การระบายอากาศ และความแข็งแรงของแผ่น

Pitch มาก = รูห่าง แข็งแรงขึ้น แต่ระบายได้น้อย

Pitch น้อย = รูถี่ ระบายดี แต่ความแข็งแรงลดลง

ค่าที่นิยมใช้ (Pitch ยอดนิยม)

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือความต้องการเฉพาะของลูกค้า

ข้อควรระวังในการเลือก Pitch ตะแกรงเหล็ก

• อย่าเลือก Pitch ถี่เกินไปหากต้องการให้แผ่นแข็งแรง
• อย่าเลือก Pitch ห่างเกินไปหากต้องการการระบายที่ดี
• ต้องคำนึงถึงทั้ง Open Area (% พื้นที่โปร่ง) และ Bar/Strand Width (ส่วนที่ไม่เป็นรู) ร่วมด้วย

2. Thickness (ความหนา)

Thickness คือ “ความหนาของแผ่นโลหะก่อนการเจาะรู (Perforated Metal)” หรือ “ก่อนการฉีกและยืด (Expanded Metal)”

เป็นค่าที่มีผลโดยตรงต่อ ความแข็งแรงของแผ่นตะแกรง, ความสามารถในการรับแรงกด/กระแทก, และ น้ำหนักรวมของวัสดุ

ค่าความหนาตะแกรงเหล็กยอดนิยม (สำหรับใช้งานทั่วไป)

3. Hole (รูปทรงและขนาดของรู)

รูบนตะแกรงมีหลายรูปแบบ ซึ่งมีผลต่อการใช้งานโดยตรง:

⚫️ Round Hole (ตะแกรงรูวงกลม)

ใช้แพร่หลายที่สุด เหมาะกับงานกรองฝุ่น อากาศ น้ำ หรือเสียง พบได้ในงานทั่วไปตั้งแต่งานสถาปัตยกรรมจนถึงอุตสาหกรรม

◼️ Square Hole (ตะแกรงรูสี่เหลี่ยม)

เหมาะสำหรับงานตกแต่ง หรืองานที่ต้องการแสงและอากาศถ่ายเทมาก ให้ความรู้สึกทันสมัย และมักพบในงานดีไซน์ภายนอกอาคาร

➖ Slotted Hole (ตะแกรงรูยาว/รูรี)

ใช้ในงานอุตสาหกรรม เช่น สายพานลำเลียง ระบบกรองเม็ดพลาสติก หรือการระบายของเหลวและวัสดุขนาดเล็กที่ต้องการไหลผ่านง่าย

ขนาดของรู (Hole Size)

• ขนาดรูตะแกรงมีตั้งแต่รูเล็กจิ๋วไม่ถึง 1 มม. ไปจนถึงขนาดใหญ่เกิน 20 มม.
• ขนาดของรูมีผลต่อทั้ง “อัตราการไหลผ่าน” และ “ความแข็งแรงของแผ่น”
• รูเล็ก: ใช้กรองละเอียด เช่น ฝุ่น ผง เม็ดพลาสติก
• รูกลาง: ใช้งานทั่วไป ระบายอากาศหรือแสง
• รูใหญ่: ระบายได้ดีมาก แต่โครงสร้างจะโปร่งและอ่อนแรงลง

ขนาดรูตะแกรงยอดนิยม (Popular Hole Sizes)

4. Open Area (พื้นที่โปร่ง)

คือ “พื้นที่โปร่ง” คือ เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่แผ่นตะแกรงที่เป็นรูทั้งหมด เมื่อเทียบกับพื้นที่ของแผ่นทั้งหมด โดยปกติจะระบุเป็น เปอร์เซ็นต์ (%) เช่น 40%, 60%, 80% เป็นต้น

• ยิ่งเปอร์เซ็นต์ Open Area สูง → แสดงว่าแผ่นตะแกรงมีความโปร่งมาก
• ยิ่งเปอร์เซ็นต์ต่ำ → แสดงว่าแผ่นมีรูน้อย โปร่งน้อย แต่แข็งแรงกว่า

Open Area มีผลโดยตรงต่อ:

• การระบายอากาศ / ความร้อน
• การไหลของของเหลว เช่น น้ำหรือสารเคมี
• ปริมาณแสงที่ผ่านได้
• น้ำหนักของแผ่นตะแกรง
• ความแข็งแรงโดยรวมของแผ่น (ยิ่งโปร่งมาก มักจะแข็งแรงน้อยลง)

5. Bar (ระยะห่างของเนื้อโลหะระหว่างรูสองรู)

คือ ระยะห่างของเนื้อโลหะระหว่างรูสองรู  ซึ่งใช้ในตะแกรงเจาะรู (Perforated Metal)

• Bar กว้าง → แข็งแรงขึ้น แต่รูน้อย
• Bar แคบ → โปร่งมาก แต่โครงสร้างอาจอ่อนตัวได้ง่าย

6. Strand Width (ความกว้างของแถบโลหะ)

คือส่วนของเนื้อโลหะที่ยังคงอยู่ระหว่างรูบนแผ่น Expanded Metal (ตะแกรงฉีก) ซึ่งเป็นแผ่นตะแกรงที่เกิดจากการ “ฉีก” และ “ดึง” แผ่นโลหะให้เกิดเป็นรู โดยไม่ใช้วิธีการเจาะ

Strand Width มีผลโดยตรงต่อ:

• ความแข็งแรงโดยรวมของแผ่น
• ความสามารถในการรับน้ำหนัก
• ความยืดหยุ่นและการคืนรูปของแผ่น
• ปริมาณพื้นที่โปร่ง (Open Area)
• ความสัมพันธ์กับรู (Mesh) และ Pitch
• ในการผลิตตะแกรงฉีก ค่า Strand Width ต้องพิจารณาร่วมกับ:
  • LWD (Long Way of Diamond): ความยาวของรูในแนวแกนยาว
  • SWD (Short Way of Diamond): ความยาวของรูในแนวแกนสั้น
  • Pitch: ระยะศูนย์กลางถึงศูนย์กลางของช่องถัดไป

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Strand ของตะแกรงฉีก

• ยิ่ง Strand กว้าง → ตะแกรงแข็งแรงขึ้น แต่โปร่งน้อย
•  ยิ่ง Strand แคบ → ตะแกรงโปร่งมากขึ้น แต่อาจอ่อนตัวหรือบิดงอง่าย

ขนาด Strand Width ตะแกรงฉีกยอดนิยม

7. Angle (องศาของรู)

คือ มุมเอียงของรูเมื่อเทียบกับแนวตั้งหรือนอนของแผ่นตะแกรง โดยเฉพาะในตะแกรงแบบ Expanded Metal หรือ Perforated Metal ที่มีการออกแบบรูเป็นรูปทรงเพชร หรือรูยาว

มุมนี้สามารถส่งผลต่อทั้งด้าน ความสวยงาม, การระบายอากาศ, และ ระดับความเป็นส่วนตัว ของพื้นที่ที่ใช้งาน

ประเภทขององศาตะแกรงเหล็ก

• รูวางตรง (Straight Angle / 0°)
  • รูวางขนานกับแนวของแผ่นเหล็ก
  • ให้รูที่เป็นระเบียบ เหมาะกับงานที่ต้องการรูเรียงตัวสม่ำเสมอ
  • ใช้บ่อยในงานอุตสาหกรรม เช่น ตะแกรงระบายอากาศ, ตะแกรงพื้น

• รูเอียง (Oblique Angle เช่น 30°, 45°, 60°)
  • รูวางเฉียงไปจากแนวตั้งหรือนอน
  • ช่วยเบี่ยงสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัว เช่น ใช้เป็น แผงบังตา (Privacy Screen) หรือ แผ่นกันแดด (Sun Shade)
  • ใช้ในงานตกแต่งอาคาร หรือพื้นที่ที่เน้นดีไซน์เฉพาะตัว

ตัวอย่างการเลือกองศาสำหรับตะแกรง

8. Material (วัสดุ)

ตะแกรงเหล็กผลิตจากวัสดุต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติต่างกัน:

• เหล็ก (Steel): วัสดุยอดนิยมที่สุดในการผลิตตะแกรง เนื่องจากมี ความแข็งแรงสูง ราคาไม่แพง และสามารถใช้งานได้หลากหลาย แต่ไม่ทนสนิม ถ้าไม่ชุบหรือเคลือบ และมีน้ำหนักมากกว่าวัสดุอื่น
• สแตนเลส (Stainless Steel): ไม่เป็นสนิม มีลักษณะผิวมันวาว ให้ความสวยงาม เหมาะกับทั้งงานตกแต่งและงานอุตสาหกรรม
• อลูมิเนียม (Aluminum): น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย เหมาะกับงานตกแต่ง งานที่ไม่ต้องรับแรงกระแทกมาก

9. Sheet Size (ขนาดแผ่น)

คือขนาดโดยรวมของแผ่นตะแกรง เช่น
ขนาดมาตรฐาน 4x8ฟุต (1.22x2.44 เมตร) และ 5x10ฟุต (1.525 x 3.05 เมตร) หรือสั่งตัดตามขนาดที่ต้องการ

สรุป

การเข้าใจ “คำศัพท์เฉพาะทางเกี่ยวกับตะแกรงเหล็ก” เป็นก้าวแรกที่ช่วยให้คุณเลือกสินค้าที่ตรงกับการใช้งานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเลือก Pitch ที่เหมาะสมกับการระบายอากาศ ความหนาที่รองรับแรงกระแทกได้ดี หรือรูที่ช่วยกรองฝุ่นและของเหลวได้ตามต้องการ

หากคุณกำลังมองหาตะแกรงเหล็กคุณภาพสูงสำหรับงานตกแต่ง งานอุตสาหกรรม หรือโครงสร้างต่าง ๆ Thai Metal Perforation (TMP) พร้อมที่จะเป็นที่ผู้ช่วยเพื่อให้โครงการของคุณสำเร็จ ติดต่อเราเจ้าหน้าที่ของเราเพื่อสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังมองหาได้เลย ! Line Official @thaiperforate 

หรือสามารถเยี่ยมชม Catalog ของเราเพื่อดูข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม คลิกที่นี้